ดร.พรศรี  ชุณหะวัณ เกิด ที่บ้านถนนประดิพัทธ์ ๒  พญาไท กทม. สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีสาขาภาษาศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เนื่องจากครอบครัวทางมารดาเป็นผู้มีความสามารถด้านการฝึกสมาธิ  โดยเป็นศิษย์คนสำคัญของหลวงปู่พล จ.สระบุรี จึงทำให้ อ.พรศรี  ถูกเคี่ยวเข็ญให้ฝึกสมาธิ มาตั้งแต่เด็กๆ
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ได้เพิ่มการฝึกสมาธิแบบโยคีด้วยวิชา Transcendential Meditation หรือที่เรียกย่อๆว่า “การฝึกแบบ TM” ที่มีฤาษีมหาริชิมเหศโยคี เป็นปรมาจารย์  และเรียนในชั้นที่สูงขึ้นคือ ชั้นสิทธิ “Sidthi Course) เป็นสิทธาชนที่สามารถฝึกลอยตัว(Flying Meditate) ได้เป็นคนสุดท้ายของรุ่น
เมื่อเข้าทำงานที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย อ.บางกรวย จ.นนทบุรี  ได้ยินเรื่องการสอนวิชาพลังจักรวาลและการบำบัดโรคฟรีที่วัดเขมาภิรตาราม จ.นนทบุรี ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก กฟผ. จึงไปสมัครเรียนโดยมีอาจารย์ ทิวา  ดูมเมอร์ เป็นผู้เปิดจักระให้ ๖๐%และสำเร็จการเรียนในระดับ ๑-๒-๓ ในปี ๒๕๓๖ 
นับเป็นบุญวาสนาของอาจารย์อย่างยิ่งที่ท่านอาจารย์ใหญ่ เลือง มินห์ ด๋าง  ผู้ประสิทธ์ประศาสตร์วิชาพลังจักรวาลได้มาสอนระดับ ๔ ในเมืองไทยพร้อมกับเปิดจักระ ๑๐๐% ให้อาจารย์พรศรีที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งชาติเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๖ 
เมื่อจบระดับ ๔ แล้ว ได้พบว่าความสามารถในการบำบัดโรคได้เพิ่มมากขึ้น สร้างความภาคภูมิใจให้เป็นอย่างมากที่ช่วยคนป่วยได้ จึงเพียรพยายามเรียนต่อให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆโดยตั้งปณิธานว่าจะเรียนตอจนจบระดับสุดท้ายเท่าที่มีเวลาและปัจจัยสนับสนุน
ปี พ.ศ. ๒๕๓๙ จบระดับ ๕ ,๕.๑,๕.๒ และระดับ ๖
ปี พ.ศ. ๒๕๔๒  จบระดับ ๗ และระดับ ๗ พิเศษ
ปี พ.ศ. ๒๕๔๔  จบระดับ ๑๑ และระดับ ๑๒
ปี พ.ศ. ๒๕๔๘  จบระดับ ๑๓-๑๔ และระดับ ๑๕
ปี พ.ศ. ๒๕๕๙ จบระดับ ๑๖-๑๗ และระดับ ๑๘
ปี พ.ศ. ๒๕๕๐  จบระดับ ๑๙(ที่ออสเตรเลีย)
นับเป็นการโชคดีอีกประการหนึ่งคือการได้รับปริญญาเอกกิตติมศักดิ์ทางด้านแพทย์ทางเลือก วิชาพลังจักรวาล จากมหาวิทยาลัยโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา  ในปี พ.ศ. ๒๕๕๐ ซึ่งท่านอาจารย์ใหญ่ได้ทำพิธีมอบให้ที่ประเทศไทย หลังจากที่ท่านอาจารย์ใหญ่เสียชีวิตในปี พ.ศ. ๒๕๕๑  อ.พรศรีได้จบระดับ ๒๐ ซึ่งสอนโดยอาจารย์เทเรซา ผู้สานต่องานของท่านอาจารย์ใหญ่ที่ออสเตรเลีย

สำหรับงานสังคมทางด้านพลังจักรวาล มีหลายแห่งเช่น

กรรมการของมูลนิธิวิทยาศาสตร์ทางจิตเพื่อการพัฒนา ,
กรรมการชมรมศิษย์พลังจักรวาล ,
กรรมการมูลนิธิโลกทิพย์
ได้ก่อตั้งศูนย์ย่อยพลังจักรวาล สาขา กฟผ. และล่าสุด
ได้ก่อตั้งศูนย์พลังจักรวาล อโรคา อาศรม ที่ถนนรัชดา/ลาดพร้าว
“มีปัญหา (หรือให้ช่วยรักษา) ปรึกษาพรศรี แล้วชีวีจะมีสุข”
ชื่อ : คุณพรศรี ชุณหะวัณ
ที่อยู่ : 16 ซอยประดิพัทธ์ 2 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพ 10400
โทรศัพท์ : 01-8237763
อจ.พรศรี ชุณหะวัณ เริ่มสนใจเรียนพลังจักรวาล เนื่องจากเพื่อนที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เป็นผู้แนะนำ ว่ามีการอบรมฟรี และเรียนที่วัดเขมาภิรตารามซึ่งอยู่ใกล้ที่ทำงาน ซึ่งตนก็สนใจเพราะเห็นว่าไม่มีอะไรเสียหาย ที่จะได้ข้อมูลใหม่ๆเพิ่มเติม โดยเรียนระดับ 1-2 กับอาจารย์ทิวา ดุมเมอร์ (ขณะนั้นระดับ 1-2 เรียนเป็นเวลา 6 วัน) คือเรียนวันละ 1 จักระ

หลังจากเรียนจบระดับ 1-2 ก็ยังไม่ได้ปฏิบัติอะไรมากนักเนื่องจากไม่ได้มีอาการเจ็บป่วยอะไร จึงพิสูจน์ไม่ได้ ประกอบกับช่วงนั้นก็สนใจหลายวิชาแต่ยังไม่ได้ปฏิบัติอะไร จนในที่สุดเรียนระดับ3 และรับการเปิดจักระ 100 % และ เรียนระดับ 4 ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย

หลังจากเรียนจบระดับ 4 ก็มักจะมีคนไข้ฉุกเฉินมาให้รักษา พบว่าการรักษาได้ผลดี จึงมุ่งมั่นที่จะรักษาอย่างจริงจัง โดยเฉพาะโรคมะเร็งรักษาได้ผลดี จากนั้นจึงสนใจเรียนอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเรียนจบ ระดับการใช้ปรัชญาตะวันออก เมื่อวันที่ 9-18 เมษายน 2548

อจ.พรศรีกล่าวต่อไปว่า สิ่งที่น่าภูมิใจก็คือสามารถรักษาโรคมะเร็ง และโรคธารัสซีเมีย(โรคเลือดโดยกรรมพันธุ์) ได้ผลดี รวมทั้งรักษาคนไข้ที่สมองตายในห้องไอซียู คนไข้ที่เป็นหญิงสาวรายนี้มีอาการไม่ตื่นขึ้นมาเฉยๆ หมอหาสาเหตุไม่ได้ และไม่รู้ลู่ทางที่จะรักษา ตนจึงรักษาจนกระทั่งรู้สึกตัว ออกจากห้องไอซียูได้ และ เคลื่อนไหวร่างกายได้บ้างแพทย์จึงปล่อยกลับบ้านไป สำหรับโรคมะเร็งนั้น เป็นเรื่องแปลกที่คนไข้ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย และเป็นที่ปอด แต่คนไข้ที่หายดีกลับเป็นเพศหญิง

สถานที่สอนส่วนใหญ่ก็จะเป็นที่ทำงานคือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ซึ่งจะเปิดสอนช่วงกลางวัน หรือเย็น นอกเวลางาน แต่ผู้เรียนส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนทั่วไป นอกจากนั้น ถ้าเป็นคนที่รู้จักเช่น ญาติๆ ก็จะให้มาเรียนที่บ้าน ก็ได้แนะนำหลายคนด้วยกัน เช่น น้องสาว และญาติพี่น้อง อย่างไรก็ตาม ผลจากการสอนพบว่านักเรียนที่ไม่เคยมีพื้นฐานการทำสมาธิ เริ่มสนใจฝึกฝนมากขึ้น ซึ่งได้เปิดสอน เกือบ 10 รุ่นแล้ว

การแนะนำคนมาเรียน
จะแล้วแต่สถานที่ว่าผู้เรียนอยู่บริเวณใด ถ้าผู้เรียนอยู่ไกลเช่นพระโขนง ก็จะสนับสนุนให้มาเรียนที่มูลนิธิ วิทยาศาสตร์ทางจิตเพื่อการพัฒนา (ศูนย์เอส.เอส.ดี.) การแนะนำคนมาเรียนนั้น จะดูทีท่าของผู้เรียนซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้ที่อยู่ในกลุ่มของคนไข้ ว่าเขาสนใจเพียงใด ค่อนข้างเป็นคนเกรงใจคน เพราะรู้ว่าเขาไม่ค่อยอยากเสียเงินเท่าใด ยกเว้นเห็นว่าใครพอมีเงินก็โน้มน้าวได้ แต่ส่วนใหญ่เราจะสอนเอง บางคนก็สอนฟรี บางคนก็ขอแค่ค่าเอกสาร

ประสบการณ์การเรียน การสอน หรือรักษา
มีพอสมควร ที่ภูมิใจน่าจะเป็นคนไข้ที่เป็นธารัสซีเมีย หรือโรคเลือดโดยกรรมพันธุ์ คือร่างกายไม่สร้างเม็ดโลหิตโดยอัตโนมัติพบมากในวัยเด็ก ซึ่งจะต้องมีการให้เลือด คนไข้รายนี้ชื่อนางสาวผดาทิพย์ ตู้ศิริ อายุ 29 ปี มีอาการม้ามโต และถูกตัดทิ้งไปแล้ว จึงต้องควบคุมธาตุเหล็กในร่างกายเช่น กินผักสีเขียว กินข้าวให้น้อย ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อสุขภาพมาก หลังจากทำการรักษาอาทิตย์ละครั้ง เป็นเวลา 2 ปี จากการมีคนประคองกันมาถึง 2 คน ปีแรกเม็ดเลือดแดง-ขาว เริ่มมีมากขึ้น ธาตุเหล็กน้อยลง แม้ต้องฉีดยาลดธาตุเหล็กทุกวัน ต่อมาอาการดีขึ้นเพราะมีผู้ประคองมาเพียงคนเดียว ปีที่ 2 โลหิตแดง – ขาว มีมากขึ้น จนเกือบเท่าคนปกติ การฉีดยาเหลือเพียงอาทิตย์ละครั้ง ปัจจุบันนี้ ไม่ต้องมีใครช่วยประคอง เดินได้คล่อง แต่ยังคงต้องฉีดยาเองเดือนละครั้ง ซึ่งกำลังรอดูผลว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป โดยหมอได้ขอตัวไว้เป็นกรณีศึกษา ขณะนี้คนไข้รายนี้ได้เรียนจนจบระดับ 4 แล้ว

ปัญหาและอุปสรรค
มีพอสมควร เริ่มจากการที่ผู้บังคับบัญชา ไม่ให้การสนับสนุนเพราะถือว่า ไม่ใช่งานหลัก แม้ว่าคนป่วยจะเป็นลูกน้องก็ตาม การขอใช้ห้องสอน หรือการรักษาจึงต้องคอยหลบซ่อน ใช้เวลาหลังเลิกงาน ต่อมาก็คือการสอน พอผู้สนใจถามเรื่องค่าใช้จ่ายในการเรียนต่อก็ไม่มาเรียนกัน ที่จริงค่าสอนถูกมาก เมื่อเปรียบเทียบกับผลประโยชน์ที่จะได้รับ

ทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่าน
คนทุกคนมีพลังเท่าเทียมกันเพราะตัวเรา เป็นเพียงสื่อให้พลังงานของเบื้องบนของจักรวาลผ่านไปยังผู้ป่วย แต่การพัฒนา หรือประสบการณ์อาจได้รับไม่เหมือนกัน การฝึกฝนจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และไม่ควรทำนอกตำรา แต่อาจเสริมกันได้ ขอทิ้งท้ายว่า “มีปัญหา (หรือให้ช่วยรักษา) ปรึกษาพรศรี แล้วชีวีจะมีสุข”