ผมเรียนพลังจักรวาลมาไม่นานนี้ครับ(7พย.52) หลังจากที่เข้าใจแล้วก็เริ่มใช้วิชานี้รักษาให้ตัวเองและคนใกล้ๆตัว ขาประจำของผมคือคุณแม่ของผมเองซึ่งตอนนี้ก็ได้รักษาท่านอย่างต่อเนื่องมาประมาณ10กว่าวันแล้วครับ

อาการที่คุณแม่ของผมเป็นคือตาสู้แสงไม่ได้และน้ำตาจะไหลเองบ่อยๆ ซึ่งผมก็ได้รักษาโดยจับจักระ7และดวงตาทั้งสองจากนั้นมีเวลาเหลือก็จับที่จักระ4พร้อมฟอกเลือด(เขามีคอเลสเตอร์รอลด้วย)

ผลการรักษาก็เป็นที่น่าพอใจเพราะอาการที่ตาดีขึ้นมากจนไม่ต้องใส่แว่นกันแสงแล้วแล้ว การมองเห็นก็สว่างชัดขึ้น ส่วนน้ำตายังมีบ้างนิดหน่อย พรุ่งนี้ว่าจะเลื่อนจากดวงตาไปจับที่ประสาทตาครับ

สำหรับผมก็ถือว่าวิชานี้เป็นสิ่งที่ช่วยผู้คนได้มากเลยถ้ามีหลายๆคนช่วยๆกันดีแน่ๆเลย เพราะตั้งแต่เรียนมาผมก็รักษาไปแล้วหลายคน ผลก็เป็นที่น่าพอใจทั้งนั้น

ถึงผมจะเริ่มรู้วิชานี้ช้าแต่ก็ยังคงดีกว่าไม่มีโอกาสรู้เลยใช่ไหมครับ แต่ที่ชัดเจนคือผมไปได้วิชาอื่นมาก่อนทำให้ไม่มีข้อสงสัยในเรื่องพลังและไม่มีความกลัวในเรื่องจะติดโรคทางพลังงานจากผู้ที่จะมารับการรักษา ซึ่งตรงนี้ผมว่าน่าจะดีที่จะทำให้ผมก้าวหน้าขึ้นได้ไวครับ(ประเมินเอานะครับ)

พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการได้ที่ หน้ากระดานสนทนา หัวข้อ”รักษาดวงตาให้คุณแม่”

คนไข้เอดส์ขั้นสุดท้าย สามารถอยู่ได้อีกประมาณ 9 ปี ด้วยพลังจักรวาล เพื่อนของลูกสาวข้าพเจ้า ชื่อ ต. ได้ส่งรูปของคนไข้เอดส์(ขั้นสุดท้าย) มาให้ข้าพเจ้ารักษาด้วยพลังจักรวาล เขาเพียงแต่บอกว่า “คุณแม่ขา ช่วยรักษาคุณ… ให้หน่อยเถิดหนูสงสารเขามาก เขาเป็นผู้บริหารหน่วยงานที่หนูทำงานอยู่ ขอให้คุณแม่รักษาเขาไม่ให้เจ็บมากกว่านี้ ซึ่งขณะนี้ ตาเขาบอดสนิทไปข้างหนึ่งแล้วเหลือตาอีกข้างที่ใช้การได้เพียง 30% เท่านั้น ผิวหนังมีแผลขึ้น เขาเจ็บปวดมาก ขอให้คุณแม่ช่วยให้เขาไปสบายๆ อย่าได้ต้องทนทุกข์แบบนี้เลย” ข้าพเจ้าก็รับปากจะรักษาตามที่ ต. ขอมา แต่ขอให้ ต.ไปบอกให้คุณ… โทรฯ มาคุยกับแม่หน่อย เพราะแม่จะต้องแนะนำการทำตัวและหน้าที่ของเขาขณะที่แม่รักษา คุณ… ก็ได้โทรฯ มาหาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเพียงแต่บอกคุณ… ว่า ข้าพเจ้าจะรักษาให้ ขอให้คุณ… ทำสมาธิช่วง 20.00-21.00 น.ทุกวันข้าพเจ้าจะรักษาและส่งพลังฯ ไปให้ คุณ… รับรู้ และปฎิบัติตามที่ข้าพเจ้าบอกไว้ จากนั้นเป็นต้นมา ข้าพเจ้าก็ส่งพลังฯ ไปรักษา คุณ… ทุกวัน วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งอาการเจ็บปวดต่าง ๆ ก็เริ่มดีขึ้น คุณ… ได้โทรศัพท์มารายงานให้ข้าพเจ้าทราบทุกอาทิตย์ และได้แจ้งผลการตรวจเลือดจากการไปหาแพทย์แผนปัจจุบัน ผลเลือดก็ดีขึ้นเป็นอันดับเวลาผ่านไปประมาณ 1 ปี เขาได้รายงานให้ข้าพเจ้ารู้ว่า ตอนนี้เขามีสุขภาพแข็งแรงดีผิวหนังกลายเป็นปกติ ผมขึ้นดกดำ ริมฝีปากสีชมพู คุณ… บอกว่า “ผมคิดว่าสุขภาพผมดีกว่าคนปกติบ้างคนด้วยซ้ำ ผมสามารถดำรงชีวิตแบบคนทั่ว ๆ ไป ผิดจากเดิมเพียงว่า ตาที่บอดก็บอดแล้ว
ส่วนตาที่ใช้ได้ 30% ไม่ดีขึ้นเลย ! ให้อาจารย์แม่ช่วยด้วย” ข้าพเจ้าเลยบอกเขาว่า “ขอเวลาให้แม่พิจารณา
หาเหตุผลเกี่ยวกับเรื่องตานี้ก่อน” (ข้าพเจ้าขอบอกท่านผู้อ่านว่า ข้าพเจ้าเป็นพุทธศาสนิกชน ได้ศึกษา
และปฏิบัติตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฯ และได้ฝึกฝนการทำสมาธิมาก่อนที่จะมาเรียนวิชาพลังจักรวาล )พอมาเรียนวิชาพลังจักรวาลทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจถึงเหตุที่ทำให้เป็นโรคทุกสิ่งในโลก ล้วนเกิดจากเหตุและผลซึ่งติดตามเสมือนเงาตามตัว เหตุทำดีผลก็ดี เรียกว่าทำบุญมา ถ้าทำชั่วผลที่ได้รับก็ชั่วเกิดเป็นความทุกข์เรียกว่าทำบาปมา เช่นเดียวกับการปลูกต้นไม้ เราปลูกต้นอะไร ก็ได้ดอกผลตามต้นไม้ที่ปลูก เกี่ยวกับเรื่องนี้ เราสามารถศึกษาเรียนรู้ได้จากพุทธศาสนา เรื่อง กฎแห่งกรรมที่ได้ระบุไว้อย่างละเอียดและชัดเจน
การที่ตาของคุณ… ไม่ดีขึ้น หลังจากรักษาด้วยพลังจักรวาล ท่านอาจารย์ใหญ่
ศาสตราจารย์ ดร.เซอร์ เลืองมินท์ด๋าง ได้เคยพูดในชั้นเรียน ถึงความสามารถของผู้เรียนในระดับที่ 6
ว่า โรคที่เกิดจากกรรมไม่สามารถรักษาให้หายได้ ข้าพเจ้ารับทราบอยู่แล้ว แต่ด้วยความปรารถนา
จะช่วยให้ตาของคุณ… ดีขึ้น ข้าพเจ้าจะช่วยเขาได้อย่างไร? โปรดติดตามตอนต่อไปนะเจ้าคะ

เพราะสืบพบพื้นเว็บไซต์มีจำกัด ต้องประหยัดเนื้อหานำเสนอ

มีหลากหลายเรื่องราวงานที่เจอ ย้ำเสมออยากบอกเพื่อนพลังฯ

จากอดีตผ่านมามีเรื่องเล่า ถึงแก่เก่าแต่มีค่าทุกหน้าหลัง

อาจารย์ใหญ่ท่านสอนเราได้ฟัง ลืมหรือยังให้หมั่นทำความดีเอย

สุแข ศรีพงศ์เพา 9/10/52

Let’s come back the mango tree.


While I was studying at Level 6,1 understood that the universal energy would make the fruits bigger than usual. I thought the mango would be as big as a Papaya (Do you know this fruit? It’s the fruit that Thai people use when they cook “Papaya Pok Pok”. It’s quite famous all over the world). It didn’t grew as big, instead of having around 2-3 mangoes in one bearing, it has around 4-5 mangoes. I counted over 100 mangoes from the whole tree and it was very delicious. I knew one of the doctors teaching in Kaset (Agricultural) University. I invited him to my house and kindly ask him to analyse the mango tree. He said it’s very unusual for this season of the year.
He said that it needs a lot fertilisers and hormones. I never did those that he said. In fact there are cement surrounding it and I use ordinary water to water it. I noticed that there are no insect eating it anymore. Also, there are no sticky rubbery stuff falling out of it anymore.

Choosak.Y

ดิฉันชื่อ ผดาทิพย์ ตู้ศิริ อายุ ๔๒ ปี ป่วยเป็นโรคเลือดโลหิตจางธาลัสซีเมีย (Thalassemia) ตั้งแต่อายุ ๒ ปี ซึ่งเป็นโรคซีดชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากเม็ดเลือดแดงผิดปกติ แตกง่าย ถ่ายทอดทางพันธุกรรม มีอาการซีด ตับโต ม้ามโต ใบหน้าจะเปลี่ยน จมูกแบน กะโหลกศรีษะหนา โหนกแก้มสูง คางและกระดูก ขากรรไกรกว้างใหญ่ ฟันแบนยื่น ตาเหลือง กระดูกเปราะหักง่าย ผิวหนังดำคล้ำ ร่างกายเติบโตช้ากว่าคนปกติ
โรคธาลัสซีเมีย แบ่งได้หลายชนิด บางชนิดรุนแรงมากทำให้เสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์ บางชนิดทำให้ผู้ป่วยซีดมาก ต้องได้รับเลือดเป็นประจำ
ชนิดของโรคและความรุนแรง
๑. แอลฟ่าธาลัสซีเมีย ผู้ป่วยมักเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์
๒. เบต้าธาลัสซีเมีย แบ่งเป็น ๒ ประเภท
– เบต้าธาลัสซีเมียเมเจอร์ เป็นโรคที่มีความรุนแรงมาก ผู้ป่วยจะซีดมากตับม้ามโต ต้องให้เลือดบ่อย และฉีดยาขับธาตุเหล็กทุกวัน
– เบต้าธาลัสซีเมียฮีโมโกบิลอี เป็นโรคที่มีความรุนแรงปานกลาง ผู้ป่วยซีด
ตับม้ามโต บางรายอาจต้องให้เลือดบ่อย
๓. แอลฟ่าผสมเบต้า ผู้ป่วยจะมีอาการซีดปานกลาง ตับม้ามไม่โต ตาไม่เหลืองมาก
เม็ดเลือดแดงของคนปกติจะมีลักษณะเป็นรูปกลมแบนๆ เหมือนขนมโดนัท แต่ไม่มีรูตรงกลาง สำหรับคนที่เป็นโรคนี้เม็ดเลือดแดงจะมีรูปร่างผิดปกติ และแตกง่ายจึงจำเป็นต้องให้เลือดบ่อย เป็นสาเหตุให้เกิดภาวะเหล็กเกิน และม้ามทำงานหนักจึงทำให้ม้ามโตมากและมีโอกาสเป็นพิษ กล่าวคือ ม้ามมีหน้าที่ป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย คือดูดเลือดเข้าไป ซึ่งมีทั้งเม็ดเลือดขาวและเม็ดเลือดแดงและกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่มีอยู่ในเลือดแล้วปล่อยเลือดที่ดีกลับมาเลี้ยงร่างกาย แต่ถ้าม้ามเป็นพิษก็จะไม่คืนเลือดกลับมาเลย คือจะทำลายเม็ดเลือดแดงไปด้วย เมื่อม้ามโตมากจะมีอาการปวดท้อง และอึดอัดแน่นท้อง มีอาการอ่อนเพลียเพราะทานอาหารไม่ได้ เนื่องจากม้ามใหญ่มากจะไปเบียดการทำงานของกะเพาะ ต้องรักษาโดยการผ่าตัดม้ามทิ้ง
ดิฉันได้ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลเด็กตั้งแต่ทราบว่าเป็นโรคเลือด ต้องไปโรงพยาบาลทุกเดือน ทานยาและเจาะเลือดตลอด เมื่อมีอายุมากขึ้นจึงต้องเปลี่ยนมารักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ต้องพบแพทย์และเจาะเลือดทุกเดือน ทานยาตลอด ให้เลือดเป็นบางครั้ง จนกระทั่งปี 2541 คุณหมอแนะนำให้ตัดม้าม (เพราะมีอาการม้ามโตมาก ประมาณ 1.3 กิโลกรัม) เมื่อตัดม้ามทิ้งก็จะมีอาการแทรกซ้อนเกิดขึ้น คือ มีธาตุเหล็กเกินเนื่องจากต้องให้เลือดบ่อยขึ้น มีอาการเวียนศรีษะ อ่อนเพลีย อาเจียน ร่างกายไม่มีแรง เหนื่อยง่าย ทำงานประจำวันไม่ได้เลยมีอาการเวียนศรีษะตลอด แล้วต้องทำการขับธาตุเหล็กทุกวัน จนมีพนังานที่ธนาคารไทยพาณิชย์แนะนำให้รู้จัก ดร.พรศรี ชุณหะวัณ ให้การรักษาทางพลังจักรวาล ได้เริ่มรักษาตั้งแต่ปี 2547 โดยต้องมารักษากับอาจารย์ที่ กฟผ. เริ่มแรกต้องมาโดยรถแท็กซี่และมีคนช่วยพยุงมา 3 คน ต้องมาทุกวันเป็นเวลา 1 เดือน ต่อมาต้องมาวันเว้นวัน อาทิตย์ละ 2 วัน จากนั้น ที่ต้องฉีดยาขับธาตุเหล็กทุกวัน ก็ลดลงเหลือสัปดาห์ละ 4 วัน และมีร่างกายแข็งแรงขึ้น จากที่ต้องมีคนมาด้วยหลายคน ก็เหลือน้อยลง และต่อมาก็สามารถนั่งรถมาคนเดียวได้ จนเหลือต้องมาเพียงอาทิตย์ละ 1 วัน เท่านั้น สามารถที่จะนั่งรถประจำทางมาเองคนเดียวได้ จำนวนธาตุเหล็กก็ลดลงจากประมาณ 2,000 นาโนกรัม /มล. ซึ่งคนที่มีร่างกายปกติ จะมีธาตุเหล็กประมาณ 150 นาโนกรัม/มล. ปัจจุบันนี้ เหลือประมาณ 300 นาโนกรัม /มล. ซึ่งปัจจุบัน เว้นไม่ได้ฉีดยาขับธาตุเหล็กมาเป็นเวลา 1 ปี แล้ว
ดิฉันมีบุญมากที่ได้รับพลังจากท่านอาจารย์ใหญ่ เลือง มินห์ ด๋าง ในปี 2549 และเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2552 ก็ยังได้รับความเมตตาจากอาจารย์ใหญ่อีกท่าน คือ มาดามเทเรซ่า ผู้เป็นภรรยาของท่าน ได้ให้พลังและแนะนำให้เรียนวิชาพลังจักรวาลเพิ่ม ซึ่งปัจจุบัน ดิฉัน ได้เรียนถึงระดับ 5.1 และเดี๋ยวนี้ ยังได้รับการรักษาอยู่อย่างต่อเนื่อง และได้เข้าร่วมประชุมกับทางชมรมศิษย์พลังจักรวาล ที่สวนอาหารชวนชมทุกเดือน ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอบแทนสังคม ดิฉันจะพยายามศึกษา วิชานี้เพื่อจะได้มีโอกาส ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันบ้าง

ดร.พรศรี ชุณหวัน

โดย เริ่มจากค่ำคืนหนึ่งของฮะ ? ศุกร์ พ.ค. 15, 2009 9:28 pm
เริ่มจากค่ำคืนหนึ่งเวลาประมาณ 23.00 น. มีอาการเจ็บปวดท้องด้านขวาล่าง อาการก็เหมือนคนปวดท้องธรรมดาทั่วๆไป เพียงแต่อาการปวดไม่เจ็บมากนัก จึงได้เข้าห้องน้ำถ่ายท้องตามปกติ หลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จแล้ว อาการปวดยังคงไม่หายหรือลดลง ยังมีอาการหน่วงๆอยู่ ก็ไม่คิดเอะใจอะไร เลยมิได้ทำการรักษาตัวเอง ปล่อยให้หายเอง(คิดไว้) เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง อาการเจ็บปวดก็ยังไม่ลดลงเลยมีแต่จะเพิ่มขึ้น ก็คิดได้ว่าท่าจะไม่ดีแล้ว เลยรักษาตัวเองไปหนึ่งครั้ง ในตอนนั้นคิดว่าน่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับลำใส้ใหญ่ เนื่องจากบริเวณนั้นไม่มีอะไรเลยนอกจากลำใส้ ผลการรักษารอบแรกอาการก็ยังไม่หายหรือทุเลาลง นอนขดตัวอย่างไรอาการก็ไม่ดีขึ้น มีแต่จะเจ็บเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม
ก็คิดอยู่ในใจว่า จะไปหาหมดดีไหม จะไป X-Ray ดูว่าเป็นอะไร นี่ก็ดึกแล้วจะอย่างไร เราก็บอกับต้วเองว่า “ไอเราก็เรียนพลังจักรวาลมาก็ไม่น้อยแล้ว ทำไมรักษาตัวเองแล้วไม่ดีขึ้น วิชานี้มันใช้ได้ผลหรือป่าวนะ” ทีรักษาคนอื่นได้ แต่ตัวเองทำไมรักษาไม่ได้ ระหว่างที่คิดอยู่นั้นก็มีอาการปวดท้อง(ถ่าย)จึงได้เข้าห้องน้ำอีกครั้ง หลังจากออกจากห้องน้ำอาการก็ไม่ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย ก็คิดอยู่ว่าจะรักษาอีกครั้งดีไหม เนื่องจากรักษาได้วันละครั้ง ทำไงดีละนี้เรา คิดได้ว่า “จะลองดูอีกซักยกดู ถ้าอาการไม่ดีขึ้นจะค่อยไปหาหมอ ตายเป็นตาย”
ระหว่างที่คิดอยู่นั้นอาการก็เพิ่มมากขึ้นทุกๆที คิดได้ว่า เราต้องเบี่ยงเบนความเจ็บปวด เลยเอาหัวตัวเองโขกกับโต๊ะ เพื่อให้ความเจ็บปวดย้ายไปที่อื่น แต่ไม่เป็นผลสำเร็จอย่างไร อาการเจ็บปวดก็ไม่ย้ายไปไหน ส่วนอาการที่หัวโขกกับโต๊ะ เทียบไม่ได้เลยกับที่ปวดท้อง เวลาผ่านไปอีกครั้งชั่วโมง ( 00:30 น.) ก็ต้องเข้าห้องน้ำถ่ายท้องอีกครั้ง ครั้งนี้ระหว่างที่ถ่ายท้อง ได้ทำการรับพลังแสงดวงดาว ซึ่งเป็นวิธีการรับพลังของระดับที่เรียนมา “รับเข้า รับเข้า รับเข้า” รับพลังเข้ามาจนรับรู้ได้เลยว่า กระดูกในร่างกายของเราเป็นเหมือนน้ำแข็ง เย็นจากข้างในออกมา จึงหยุดทำการรับพลัง อาการที่ปวดอยู่หายไปชั่วขณะ ก็กลับออกมานั่งอยู่ที่เตียง
ระหว่างนั้นก็ได้มองดูบริเวณท้องของตัวเองปรากฎว่า มีลักษณะบวมเหมือนลูกมะนาวปูดขึ้นมา(ครึ่งลูก) หลังจากนั้นไม่นาน มีความรู้สึกเหมือนมีอะไรแตกในท้องตัวเอง แล้วก็กระจายออกจากบริเวณที่บวม (เหมือนกับว่าเวลาเรากินน้ำอุ่นลงไป มันผ่านจากลำคอลงไปถึงกระเพาะ) ความรู้สึกนั้นกระจายไปทั่วท้อง ทันใดนั้นความเจ็ปวดอันแสนทรมารก็ได้เริ่มขึ้น
ความเจ็บปวดที่ได้รับนั้นมันชั่งทรมารยิ่งกว่าเป็น โรคกระเพาะ, ท้องผูก และอีกหลายๆโรคมารวมกัน ไม่ว่าจะนั่ง นอน ขดตัว ทำอย่างไรก็ไม่มีทีท่าว่าจะบรรเทาได้เลย จะตาาาาาายอยู่แล้ว ก็ได้แต่ทน อดทน สู้ แม้น้ำตาจะไหลออกมา เวลาอันแสนทรมารได้ผ่านไปครึ่งชั่วโมงอาการจึงดีขึ้น และได้เพลียหลับไป
เช้าวันต่อมาก็ไม่มีอาการแต่อย่างไร จึงไม่ได้ไปหาหมอ อาการปวมที่ท้องก็หายไป แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าเป็นโรคอะไรกันแน่ พอตกกลางคืน(22.00 น.) เท่านั้นอาการเจ็บปวดอันแสนทรมารก็ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง จึงทำการรักษาตัวเอง ความเจ็บปวดครั้งนี้กินระยะเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงเต็ม อาการถึงได้ทุเลาลง
ค่ำคืนวันต่อมา ก็มีอาการอีกเช่นเคย ครั้งนี้ใช้เวลาครึ่งชั่วโมง
ค่ำคืนที่สาม ก็มีอาการเพียงแค่ หนึ่งนาที
ค่ำคืนที่สี่ มีอาการแค่ สามวินาที หลังจากค่ำคืนนั้นอีกสามวัน ก็มีอาการขึ้นแค่ หนึ่งวินาที แล้ววันต่อมาก็ไม่มีอีก
หลังจากนั้นก็สืบหาสาเหตุ จากอาการที่เป็น โดยสอบถามจากพยาบาล ผลที่ออกมาก็คือ เป็นใส้ติ่งแตก แต่อาการใส้ติ่งแตกโดยปกติแล้วจะเสียชีวิต แต่เนื่องจากได้รักษาตัวจึงไม่ถึงกับตาย
อาการที่เจ็บปวดกับบริเวณที่เป็น คือ อาการของโรคใส้ติ่งโดยเฉพาะ ลักษณะก็คือ มีอาการท้องเสีย ปวดบริเวณตรงกลางระหว่างสะดือกับโคนขา และไข้หวัด
จบแล้วครับพี่

เริ่มจากค่ำคืนหนึ่งของฮะ

เรื่องเก่าเล่าใหม่โดย สุแข ศรีพงศ์เพา
การเรียนวิชาพลังจักรวาล ท่านอาจารย์ใหญ่ศาสตราจารย์ ดร.เซอร์ เลืองมินห์ด๋าง สอนให้เรามีความเมตตากรุณาต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั่วทั้งจักรวาล รักธรรมชาติ รักและทำความดีให้เกิดแก่โลกของเรา พึ่งพาตัวเองและให้ความช่วยเหลือผู้อื่นตามสมควรข้าพเจ้าได้ศึกษาเรียนรู้วิชาพลังจักรวาลมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 จนถึงปี พ.ศ. 2551 เป็นเวลารวม 11 ปีเต็ม ความรู้ที่ได้มามีมากมายบอกไม่หมด แต่จะขอบอกเล่าบางเรื่องที่ตัวเองได้ประสบและยังประทับใจอยู่ข้าพเจ้าขอย้อนเล่าประสบการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม ปีพ.ศ.2540 มาให้รับฟัง

เรื่องที่ 1 ข้าพเจ้าเคยช่วยนกตัวหนึ่ง(ไม่รู้นกพันธุ์ใดตัวใหญ่ประมาณ 2 ฝ่ามือของข้าพเจ้า) ซึ่งบินมากระทบกับกระจกหน้ารถของน้องที่ขับมาด้วยความเร็ว รถของข้าพเจ้าขับตามหลังมา ข้าพเจ้าได้ยินเสียงกระทบกันดังพอประมาณ แต่ไม่ใส่ใจ เพราะกำลังคุยกับคุณแม่อยู่แต่สามี (คุณเพา) ได้หยุดรถและลงไปข้างทาง นำนกที่บาดเจ็บคอพับ ตัวอ่อนปวกเปียกมาส่งให้และบอกข้าพเจ้าว่า “ช่วยรักษานกตัวนี้ด้วย” ข้าพเจ้าบอกไปว่า “มันตายแล้วนะ” สามีก็บอกว่า ช่วยรักษามันก่อนเถิด ข้าพเจ้าก็รวมสมาธิและใช้วิชาพลังจักรวาลส่งพลังฯ ให้นก ประมาณ 5 นาที นกก็ลืมตา ต่อมา 10 นาทีมันก็สามารถขยับตัวได้ และกระโดดจากมือของข้าพเจ้าลงไปอยู่บนฟื้นรถ ข้าพเจ้ามองเห็นขาข้างหนึ่งของนกหักงอเดินไม่ได้ ก็ส่งพลังฯ ไปตรงขานกอีก ช่วงเวลา 3 นาที นกก็เดินได้และเดินวนเวียนไปมา เวลาผ่านไปประมาณ 30 นาที ข้าพเจ้าเห็นนกหายเป็นปกติแล้ว จึงเปิดประตูรถนกก็บินออกไปอย่างรวดเร็วและร่าเริงแข็งแรง

เรื่องที่ 2 เกิดเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2541 ข้าพเจ้าได้ให้ช่างรับเหมาก่อสร้างมาซ่อมแซมบ้านได้ประมาณ 20 วันแล้ว วันหนึ่งน้องสาวนายช่างฯ ได้รับโทรศัพท์จากนายช่างแล้วร้องไห้โฮ ข้าพเจ้าถามเลยว่าเกิดอะไรหรือ ? เขาบอกว่านายช่างพี่ชายเขาโทรศัพท์มาบอกว่าน้องชายป่วยและเขาพาไปหาหมอที่โรงพยาบาล เพิ่งหมดลมหายใจ (เครื่องวัดหัวใจแสดงให้รู้ว่าหัวใจหยุดทำงานแล้ว) ข้าพเจ้าเลยขอชื่อผู้ตายและบอกไปว่า ข้าพเจ้าจะรักษาให้เขาพื้นด้วยวิชาพลังจักรวาล ดูซิว่าจะได้ผลหรือไม่ จากนั้นข้าพเจ้าก็ได้ส่งพลังฯ ไปให้ตามวิธีที่ได้เรียนมาภายใน 1 ชั่วโมงนายช่างก็โทรฯ กลับมาบอกว่า”น้องชายเริ่มรู้สึกตัว น้องเขาไม่ตายแล้ว”กาลครั้งนั้น คนที่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่างก็ถามนายช่างว่า เธอมีของดีอะไรหรือ? นายช่างก็บอกว่ามีคนช่วยรักษาด้วยพลังจักรวาล ส่งพลังฯมาช่วยให้น้องชายเขาฟื้นขึ้นมาข้าพเจ้าได้เล่าเรื่องจริงที่ประสบมากับตัวเองให้ฟังแล้วเหลือเชื่อใช่ไหมยังมีอีกหลายเรื่องที่อยากจะเล่าให้ฟัง สนใจเชิญติดตามตอนต่อไปนะเจ้าคะ

สุแข ศรีพงศ์เพา
18 กันยายน 52

I’ll tell you about my experience of using Chakra 6 to reduce natural disaster concerning the tropical Linda stom that pass through Thailand on Nov. 3, 1997 which severely destroyed part of Vietnam. It is far more worst than the “Gay”stom that used to destroy Thailand in the past. The statistics reports that there were 230 people died and 4,000 people couldn’t be found and 1,000 ships were wrecked from the tornado Linda. There were 700 Thai workers for the Unocal oil company that had to move out immediately especially people living in the south of Thailand. It was around 18.00 when I saw this news on TV. I recently graduated from Level 5.2 and remembered that the Master said it is possible to help lessen the destruction of natural disaster. I didn’t hesitated even a bit. I didn’t have the pyramid yet then, but I fully confident and thought of the Master. I thought of Chakra 6 and 7 for 30 second and stared at the Gulf of Thailand

for 5 minutes. I thought to myself for the Linda stom to float higher than the atmosphere or as high as possible. It did fly over the Gulf of Thailand and fall into the Andaman Sea. In addition, it killed the fire in the Sumatra Island, Indonesia.

I was anxious to hear the news in the morning. I was so happy that news reported that the stom was not as strong as before. Some news reported that it was 240 km per hour and some 120 km per hour was reduced to 45 km per hour. (I’m not really sure how they measure it, I guess by the satellite.) All I know it reduced its speed. However, instead of entering around 18.00, it entered around 23.00. It was like 5 hours difference. I guess it waste a lot of time lifting itself up as high as possible. Also, instead of it entering in the province of “Surat” or “Chumporn”, it entered a bit north in the province “Prajuab”. I happen to own an 11 acres of farm there. It was like a mercy from God, nothing happened to my place. While the destruction occurred to all the place surrounding it. I didn’t see it with my own 2 eyes though, but I called in and ask people around that area. Unfortunately, the Linda tornado became stronger again after passing through Thailand. In the province, Prajuab, only floods and 50 ship wrecks were reported. I guess that we are very lucky. About natural disaster, the Master have told us once in the seminar of Level 6 that all students could help lessen disaster caused by nature. I guess there were a lot of students, including myself, from Level 5.2 to 6 help lessen this destruction.

I believe so much that everyone who studied this universal force is very fortunate. It was never a waste of time. Just have faith, genuine determination and practice. Your psychic energy doesn’t have to be strong, and don’t pretend that you have strong psychic energy, that’ll make it worst. Just have a good heart and that will produce pure energy. That energy will surround us, no matter how near or far we need it, we will surely be able to help others.

At the present, I’m very much interested in agriculture and natural disaster. However, I never left healing people. I started to cure in groups, rather than individual, and believe, it works! Actually, it’s the same principle and your father’s analysis and as you understood. It’s that we have a pure motive and wanting very much to cure them. I used Chakra 6 and 7 for 30 second. After that, I used Chakra 6 to 6 and several spot behind the patient’s head for 30 second and that’s it, it’s done! However, the most magnificent thing.

Choosak.Y

Dear …………………………….

But before I’ll tell you the story, I confirm to you that, studying the universal energy is the true meaning of life. I feel that I have lived my life to the fullest as a good citizen with a chance to help others as much as I could.
In the past, when I pass any people or animals who are suffering, all I could do is just to feel pity for them. But now, I could do more than just pitying them, I could heal them and cure them without intering them or them being aware. All I have to do is just to look at them with full concentration.
Before the year 1996, I never seem to believe any of these stuff. Anything that couldn’t be seen by our naked eyes or there are no logical explanations, I would never in my life believe it. When I was in Hong Kong, I felt this accute pain on my shoulder. I didn’t went to see the doctor. I touch my right shoulder with my left hand, and seriously thought to myself, “Stop aching already, stop aching already”. Would you believe it!! it actually stop aching right away. However, it stop only for 5 minutes and it started to hurt again. So I did it again and again. The pain comes and goes. It rShe was able to work normally. Except for the patients sufferingeminds me of the time when I was 12 years old lining up in the morning and got bitten several ants. I thought to myself then that it didn’t hurt. After learning how to meditate 10 years ago, my youngest daughter got sick. I touched her head to feel her fever, and thought to myself, “Get well, sweetheart”. After a while, she suddenly got well. Unfortunately, I got sick myself!. Actually, I almost have forgotten this story already. However, there are still alot of my experiences that had happened but I couldn’t recall.
Normally, I don’t think about myself too much. When my wife got tumor on both of her breast and past through operations but didn’t show much positive results. It got vice versa, it increases in a very
was in Japan. I seriously follow up my own curings. Mostly, my patients are not that co-operative. Sometimes, they have already been cured but didn’t informed me. Eventually, I have to set up a “Golden Rule” that, if they won’t report me every 7 days, I will right away stop healing. But you know, I already stopped healing but my heart does go on. Which they got cured automatically. I used the method taught by my Master from Level 5.1 purely, without anything against the rules. No matter what level you are in, it depends on your determination.

The diseases that I have successful cured are Infectious Ovaries which must be quickly removed surgically. This patient is one of the famous actress in Thailand, her name is Pxxxxxxxxx Pxxxxxxxx. She went to 3 doctors and all of them agreed that she should have it removed at once. She was very glad after I healed her for 3 months. After the results of all 3 doctors, it was stated that she has normal ovaries but still they are clogged. She begged me to heal her so she would be able to have a child in the future (with her boyfriend, of course!!).
The rest of the diseases that I was able cure are:
1. Migraine
2. Hemorrhoids
3. Dental Caries
4. Facial Palsy
5. Non-stopping tears
6. Hypertension
7. Diabetes Melutus
8. Allergies
9. Pyelonephritis
10. Heart Failure
11. Ulcer
12. Erysipelas
13. Jet Lag
14. Patients after having blood veins operation.

Until around February 1997, there are a group of patients who are quite hard to heal. Those diseases are:

1. Spinal Cord Tumor
2. Thyroiditis
3. Epilepsy

These diseases comes and goes frequently in the patients. It made me a bit upset. I felt very sorry and intimate with the patients. However, the patients have a very strong will to get well. I cured for more than a year until most of the patients have changes to another group. I have prayed to the above (God and Master) to help me heal them. After 3 or 4 days, you sent me an e-mail, Feb. 8 1997, saying that your father have a new method of healing by Chakra 6 + Chakra7 30 seconds. Following with my Chakra 6 to my patients 30 seconds. Finally with Chakra 6 + Chakra 7 to protect myself 30 seconds. Without any reason, I felt that this is the answer to my prayer! I have you to thank. I guess you could remember which I also told you about the successfulresult.

For one of my patient, after using your method, she was cured from Spinal Cord Tumor within several weeks after attempting to cure for many years. The results from the x-ray, her bones changes color from black to white. She lives an ordinary life without any fear of dying within 5 days and she being told by her doctor. She was healed without being paralyzed too. She doesn’t need to pay US$40,000 for curing her. As for the patients with Thryoid, she is fine now. with Epilepsy, she couldn’t move both of her legs. As for now, she could move it but still couldn’t walk. She suffers lesser now from being shock. Doesn’t get annoyed easily and lives happily.

To be continued…….
Choosak.Y
Feb 5,1998

Dear ……………………….
Let me finally tell you about the snow storm in Tokyo, Japan.

I got a chance to attend the Tokyo International Book Fair in Jan. 21-25, 1998. After I booked a ticket and hotel reservation, it appears that there was a snow storm in Tokyo from 15-17. The snow was 30 cm knee deep. The temperature was negative. All flights were cancelled from 17-20. I used the pyramid that the Master had given me when I was studying Level 6. I looked at the pyramid and looked at the map of Japan and said to myself that to stop snowing, for the sun to show and for the coldness to pass the islands and come to Thailand instead because it’s very hot here! I did this everyday before I actually travel. Until the 21st, that’s the day I travel, I brought with me the pyramid and wish that the temperature would be no less than 10 degrees Celsius. Do you know, when the plane landed on Narita airport, the pilot informed us that the temperature was actually 10 degrees Celsius!! Wow, was I glad! All the passenger yelled, “That’s a miracle!”.

For all the time I was in Tokyo, the weather was terrific! I watch the weather forecast for Japan, there were snow all over Japan except in Tokyo, imagine that! I only saw a small bunch of snow here in there. I had asked the 2 air-hostess that gave us the weather forecast, to confirm that there was really a snow storm around the 15th through the 17th. However, around the 18th through 20th, the temperature got up from 5 to 7 degrees respectively. I also cut out the weather forecast from the “The Japan Times”.

Choosak.Y
1998

ในการเรียนรู้พลังจักรวาลระดับแรกๆ หลังจากบทเรียน ก็จะมีบททดสอบ เพื่อวัดผลครับ

บททดสอบที่ดีที่ได้ผลที่สุดก็คือความเจ็บป่วย โดยผู้เรียนจะต้องมุ่งมั่นตั้งใจส่งพลังรักษาด้วยวิชาที่ได้เรียนมาจึงจะสำเร็จ

แบบทดสอบที่จะต้องใช้สิ่งที่ได้เรียนมาฝึกฝนจนสำเร็จ จะได้รู้ว่าพลังจักรวาลใช้ได้จริงหรือไม่

เหมือนพี่น้องพลังจักรวาลทั่วโลกนับล้านคนได้ประสบความสำเร็จแล้วครับคนส่วนใหญ่ชอบบทเรียน สุขๆ สบายๆ ง่ายๆ ไม่ชอบบทเรียนยากลำบาก

ศิษย์พลังจักรวาลในขั้นต้นในระยะฝึกฝนแรกๆอาจจะเรียนความทุกข์ เจ็บป่วย ยากลำบากเล็กๆ และถ้าจะเรียนต่อในระดับสูงขึ้น บททดสอบก็จะเข้มข้นตามระดับชั้นเรียนแต่จะแปลกแตกต่างเหมาะสมไปตามสภาพระดับความรู้แจ้งและสิ่งแวดล้อมของผู้นั้นแต่ก็ไม่มีอะไรน่ากังวล ก่อนอื่นสิ่งแรกที่ต้องฝีกคือ ตัดความกลัวออกไปให้เหลือน้อยที่สุด

“เบื้องบนให้บทเรียน บททดสอบ และให้คำเฉลยพร้อมความสามารถพิเศษแก่เราแล้ว “

เราต้องพัฒนาเพื่อความรู้แจ้ง

“เบื้องบนไม่สัญญาอะไร แต่ท่านจะไม่ทอดทิ้งเรา”
คนที่ประสบความสำเร็จในวิชาพลังจักรวาล ไม่ได้ฝึกวันสองวัน เดือนสองเดีอน แต่ละท่านฝึกเป็นปีๆและได้ผ่านการทดสอบกันมาอย่างแสนสาหัสและจบสิ้นลงด้วยความภาคภูมิใจ

ที่ผ่านมาได้ ด้วยกำลังใจที่ว่าเบื้องบนไม่สัญญาอะไร แต่ท่านจะไม่ทอดทิ้งเราและมีอาจารย์ด๋างเคียงข้างช่วยเหลือพวกเรา

ไม่มีใครตกต่ำ หรือสูญเสียอะไร ทุกคนที่ฝึกเป็นขั้นเป็นตอน จะมีความสามารถ จิตได้พัฒนา มีจิตเมตตา เป็นผู้ที่อ่อนน้อมถ่อมตน