พีระมิด อะคลีลิค 3 ด้าน 13 ซม. 13 ชั้น สีฟ้า 2 ขนาด มีลิขสิทธิ์ใช้เฉพาะการสอนและฝึกในวิชาพลังจักรวาล ขนานแท้เท่านั้น

ดร.พรศรี ชุณหะวัณ

โดย อ.พรศรี ชุณหะวัณ แห่ง มูลนิธิพลังจักรวาล
ออกอากาศในข่าว TNN (ใน True Vision)
เมื่อเดือน ธันวาคม 2552
งานวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติ พันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วาน

เมื่อสิบปีที่แล้ว ผู้จบระดับ 6ถือว่าเป็นระดับอาจารย์แล้ว สามารถขอฝนให้ชาวไร่ชาวนา ลดภัยพิบัติดันพายุ หยุดหิมะ เพิ่มผลผลิต ช่วยคนได้ที่ละมากๆ และมีปิรามิดให้ฝึกสมาธิอีกด้วย ผู้ที่เรียนในระดับนี้ถือว่าเป็นผู้อาสาแล้ว ไม่มีใครบังคับ เพราะถ้าจะพัฒนาจิตโดยการรักษาโรคระดับ 4ก็พอเพียงแล้ว

แต่ถ้าอาสาช่วยเหลือมวลมนุษย์ บททดสอบย่อมจะเข้มข้นตามความตั้งใจ เพื่อถูกคัดเลือกถ้าจะเรียนในระดับต่อไปกายต้องพร้อม ใจต้องพร้อม

บทเรียนเพื่อความรู้แจ้ง เมื่อเราเห็นสัจธรรม เราโกหกตัวเองได้ โกหกอาจารย์ได้ แต่เราโกหกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ การเรียนระดับสูงต้องค้นหาสัจธรรม เพื่อความรู้แจ้ง

ชีวิตต้องมีทั้งเรื่องดี เรื่องสบาย และเรื่องทุกข์ยากลำบากเป็นเรื่องธรรมดา มันคือชีวิตจริงเราต้องผ่านมันไปให้ได้ ด้วยความรักความเมตตา คิดดีแล้วต้องพูดดีๆ ทำดีด้วย ไม่ตัดสินใคร ไม่ถูก ไม่ผิด ช่วยเหลือหมด

ช่วยเหลือโดยไม่หวังผลตอบแทน จิตก็จะพัฒนาสูงขึ้นเรียน บทเรียนความทุกข์ยากลำบากพัฒนาได้เร็วครับ

ความเจ็บปวด การถูกกดขี่ เป็นบทเรียนชั้นสูงครับ

ขอให้อดทนถ้าได้บทเรียนชั้นสูงนี้หมายถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์กำลังมองเห็นเรารู้ว่าเราพัฒนาได้ ฝึกได้ จึงส่งเทพผู้เสียสละมาให้บทเรียนเรา

อย่าท้อถอย ขจัดความกลัวใช้สิ่งที่เรียนมา บททดสอบไม่เกินบทเรียนแน่นนอน

มื่อปี ค.ศ.1995 ที่เจนีวา ผมได้สอนให้พวกคุณกว่าสองพันคนรู้จักวิธีใช้จักระ6 บางคนเรียกตาที่สาม ผมสอนให้พวกคุณส่งพลังออกไปทำสิ่งต่างๆ ที่ผมให้พวกคุณใช้จักระหกทำงานนั้น เป็นการฝึกใช้สมองแบบหนึ่ง

หลังจากวันนั้น พวกคุณได้นำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาใช้ แล้วก็ใช้ได้ผลมาตลอด พวกเรานำพลังจักรวาลไปใช้กับหลายอาชีพ นำไปพัฒนาจิตวิญญาณ นำไปช่วยเหลือคนอื่น นำไปใช้ในการเกษตรและอื่นๆ

ที่พวกเราทำได้นั้น ถือว่าครอบคลุมทุกอาชีพ พวกเราทำได้เพราะอาศัยพลังจากเบื้องบนที่ได้มอบให้ ทีละก้าวพวกเราเปลี่ยนแปลงตนเอง พวกเราก็เริ่มเปลี่ยนแปลงมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่วันที่พวกคุณเรียนระดับ 5.1 ร่างกายก็เริ่มเปลี่ยนแปลงแล้ว ร่างกายของพวกเรามีภูมิต้านทานต่อการเจ็บป่วยมากกว่าเก่า แต่นั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ

ประเด็นสำคัญก็คือ การเปลี่ยนแปลงของระบบสมอง นอกจากพวกเราจะข่มสมองส่วนรองได้ เรายังดึงส่วนดีของมันออกมาใช้ได้ด้วย มันเป็เรื่องท้าทายต่อมวลมนุษย์ เพราะว่าการเอาชนะคนอื่นก็นับว่ายากอยู่แล้ว แต่การเอาชนะตนเองก็ยิ่งยากกว่าหลายเท่า มนุษย์จึงพ่ายแพ้เสมอมา แต่พวกเราต้องเอาชนะให้ได้ อาศัยความศรัทธา อาศัยความรัก อาศัยพลังจากเบื้องบน อาศัยเทคนิคทุกๆอย่างที่ได้เรียนรู้มาพวกเราต้องอยู่เหนือการควบคุมของสมองส่วนรองให้ได้

Master Luong Minh Dang
การสัมนาระดับ 13 เรื่อง”การพัฒนาศักยภาพภายใน ระดับที่ 3 “
เมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2546

จิตวิญญาณคืออะไร

  • กว่ามนุษย์จะวิวัฒนาการจากสิ่งมีชีวิตที่เดินด้วยเท้าสี่เท้า มาเป็นสิ่งมีชีวิตที่เดินด้วยเท้าสองเท้านั้นใช้เวลาหลายล้านปี ซึ่งนับเป็นการวิวัฒนาการที่ก้าวหน้าและสำคัญ
  • การแสวงหาทางจิตวิญญาณหรือการพัฒนาทางจิตวิญญาณคืออะไร นี่เป็นเรื่องนอกเหนือจากการทำความดีและการพูดด้วยความจริงใจ
  • การพัฒนาทางจิตวิญญาณ หมายถึง การพัฒนาทั้งด้านสมองและด้านจิตใจไปสู่การรู้ถึงความรู้แจ้งเห็นจริง ละกิเลสและพัฒนาจิตให้อยู่เหนือโลกของวัตถุ (Transcendence) การจะไปถึงจุดนั้นได้เราต้องมีความถ่อมตน ฝึกฝนตนเอง ละความเห็นแก่ตัว ยึดมั่นในหลักการพื้นฐานของความรักความเมตตาพร้อมกับอยู่ในขอบข่ายแห่งความเป็นจริง
  • การทำสมาธิ เป็นการพัฒนาความสามารถของจิตให้ไปถึงความรู้แจ้งเห็นจริง คือเข้าใจความจริงอันสูงสุด (สัจธรรม) เราต้องใช้ความพยายามของเราไปถึงจุดนั้น ไม่มีใครให้ปริญญาหรือประกาศนียบัตร ให้ของขวัญ เพื่อทำให้คนเป็นพระพุทธเจ้าหรือพระเยซูคริสต์ได้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนสามารถปกป้องหรือช่วยเหลือเราให้มาสู่ระดับการพัฒนาไปเป็นผู้ประเสริฐ (Supreme Being) แต่ในการรักษาตัวเองให้อยู่ในระดับนั้นได้ จิตใจของเราจะต้องเอื้ออาทรและมีความรักความเมตตาต่อมนุษย์ทั้งมวล
  • การทำสมาธิ เป็นการช่วยให้เราก้าวหน้าไปสู่ระดับสูงขึ้น และเป็นทางที่ถูกต้องที่จะนำไปสู่การตื่นตัวจากตัวเองและการรู้แจ้งเห็นจริง ความเข้าใจในพลังจักรวาล เข้าใจในธรรมชาติของโลกที่มองเห็นและที่มองไม่เห็นและเข้าใจในสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนสูงสุด
  • วิธีการใดที่ไม่ช่วยให้เราไปถึงเป้าหมายนั่นและไม่ช่วยปลดปล่อยเราจากภาพลวงตา วิธีการนั้นก็ไม่ใช่วิธีการอันถูกต้อง
  • วิทยาศาสตร์สมัยใหม่บอกว่าร่างกายประกอบด้วยเลือดเนื้อ กระดูก สมอง ตลอดจนอวัยวะสำคัญต่างๆ ระบบการไหลเวียนของโลหิตและระบบประสาท นอกเหนือจากศาสตร์เกี่ยวกับการฝังเข็ม และศิลปการต่อสู้ป้องกันตัวโดยไม่ใช้อาวุธแล้ว วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ยังไม่ยอมรับว่านอกจากระบบต่างๆ ที่แจกจ่ายพลังภายในร่างกายไปสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกายแล้วยังมีจุดสำคัญอีกเจ็ดจุดในร่างกายของมนุษย์ที่มีความสำคัญสูงสุด จุดสำคัญ 7 จุดนี้ก็คือ “จักระ” ซึ่งเป็นภาษาสันสกฤต หมายถึงวงล้อที่หมุนด้วยความเร็ว ด้วยเหตุนี้อาจารย์สอนโยคะจึงเรียกจุดเหล่านี้ว่า “วงล้อ”
  • ในสมัยดึกดำบรรพ์ เมื่อผู้คนเริ่มสะสมกรรม (หรือบาป) กรรมที่ร้ายแรงที่สุดได้แก่ ความหยิ่งทะนง ความฟุ้งเฟ้อ การโกหกหลอกลวงและการคิดว่าตัวเองมีพลัง มีความสามารถมากกว่าหรือเทียบเท่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน พวกเขาจึงสูญเสียความสามารถพิเศษที่มีอยู่และจักระของพวกเขาก็ถูกปิดสนิทเพราะความหลงผิดเหล่านั้น ซึ่งก็คล้ายกับเรื่องในคัมภีร์ของศาสนาคริสต์ที่มนุษย์ถูกอัปเปหิจากสวรรค์เมื่อจักระถูกปิดคนก็จะมีวิวัฒนาการถอยหลังกลับไปสู่กรรมไม่ดีทั้งหลายมากขึ้นทุกทีคือ ความหลงในวัตถุ ความขัดแย้งต่างๆ การฆ่าฟันกันและก่อสงคราม
  • ดังนั้น หากเราต้องการจะยกระดับจิตวิญญาณให้สูงขึ้นกว่าในอดีต เราจะต้องพัฒนาจิตวิญญาณของเรา ความจริงเราไม่ได้ถึงกับเริ่มต้นจากข้างล่างสุดขึ้นมาสู่ข้างบน แต่เราเริ่มต้นจากข้างบนแล้วตกต่ำลงสู่ข้างล่างต่างหาก
  • ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับเราว่าจะรวบรวมกำลังกลับไปสู่ที่เดิมและขจัดกรรมชั่วต่างๆ ที่เราจมอยู่นั้นได้อย่างไร วิถีทางที่จะขจัดการเกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือวัฎสงสารที่ทางพุทธศาสนาเรียกว่า “นิพพาน” นั้น เราต้องแสวงหาทางหลุดพ้น ซึ่งก็คือ “สัจธรรม” นั่นเอง
  • เราต้องรักษาร่างกายให้แข็งแรงโดยการได้รับประทานอาหารและโภชนาการที่ดี ถึงจะทำให้เรามีกำลังภายในและเซลล์ในร่างกายทำงานได้ดี ฉะนั้นหากเราจำกัดตัวเองด้วยการกินอาหาร มังสวิรัติที่มีคุณค่าไม่ครบถ้วนและอดอาหาร เซลล์ของสมองก็จะไม่พัฒนา สมองก็จะว่างเปล่า กำลังกายและกำลังภายในก็ไม่มี ยิ่งกว่านั้นเราจะไม่สามารถทำสมาธิได้อย่างเต็มที่ สมองไม่ทำงานจิตใจไม่แจ่มใส เพราะฉะนั้นร่างกายที่จะแข็งแรงได้ก็จะต้องทานอาหารให้เต็มที่ และมีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย
  • อาหารช่วยให้เราดำเนินอยู่ในวิถีทางไปสู่การพัฒนาจิตวิญญาณ พระพุทธเจ้าก็เคยใช้ชีวิตอดอยากทุกข์ทรมานแบบฤาษีอยู่นานถึง 5 ปี แต่ก็ไร้ผล จนท่านเลิกทำและมานั่งอยู่ที่ใต้ต้นมหาโพธิ์ รู้สึกท้อแท้ เหน็ดเหนื่อย ร่างกายผ่ายผอมมีแต่หนังหุ้มกระดูก และท่านได้ตั้งปฏิธานว่าจะไม่ลุกจากต้นโพธิ์จนกว่าจะตรัสรู้ พระองค์ประทับอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งมีหญิงคนหนึ่งนำน้ำนมมาถวาย เมื่อท่านได้ฉันน้ำนมท่านก็มีกำลังวังชาที่จะทำสมาธิ
  • หลังจากนั้น 49 วัน ท่านก็บรรลุ “นิพพาน” คนที่อยากมีรูปร่างดีและควบคุมความกำหนัดของตัวเอง สามารถอยู่ได้ด้วยการกินอาหารในปริมาณน้อย แต่ในความเป็นจริงเมื่อคนเราอยู่ในวิถีทางแห่งสัจธรรมได้อย่างแท้จริงแล้ว เขาย่อมต้องมีพลังพิเศษมากกว่าคนอื่นไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบไหน และพลังนี้สามารถเปลี่ยนเป็นความสามารถเหนือธรรมดาเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นได้
  • ร่างกายคนเรามีจักระ 7 จักระ ถ้าจักระ 5 ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างไหล่ได้รับการเปิดแล้วและนำมาฝึกฝนอย่างถูกวิธีเราก็จะมีหูทิพย์ ซึ่งจะช่วยให้สามารถได้รับคำสอนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนที่ชี้นำเรา สอนให้รู้ถึงการพัฒนาจิตวิญญาณและการฝึกฝนปฏิบัติในการทำสมาธิ และเราสามารถจะได้รับคำแนะนำของท่านเหล่านั้นได้ ตามปกติเรามักจะได้รับคำสอนมากมายแต่จะคิดว่าเป็นความคิดของเราเอง และปฏิเสธว่าสิ่งนี้ไม่ใช่คำสอนจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน หรือที่เราเรียกว่าความคิดจากสวรรค์ (Divine thoughts) ซึ่งส่งมาถึงจิตเราโดยตรง แต่เราคิดไปว่าเป็นความคิดของเราเอง ความคิดจากสวรรค์นี้คืออาจารย์ของเรา เราควรจะน้อมรับเอาไว้ด้วยความเคารพ
  • เมื่อจิตใจและวิญญาณของเราพัฒนาสูงขึ้น เราก็จะรู้วิธีใช้ความสามารถใหม่ๆ เหล่านี้ และถ้าเราพัฒนาได้สูงขึ้นอีกเรื่อยๆ เราก็จะเริ่มเข้าใจความจริงได้โดยไม่ต้องเรียนรู้จากผู้อื่น และเราจะ รู้สึกถึงการลื่นไหลของความคิดของเรา ที่ประสานกับจิตวิญญาณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนสูงสุด เมื่อนั้นเราจะรู้ว่าทุกอย่างเป็นหนึ่งเดียว